ประวัติโครงการ
โครงการวิจัย “การวิจารณ์ศิลปะ: รอยต่อระหว่างวัฒนธรรมสื่อสิ่งพิมพ์กับสื่ออินเทอร์เน็ต”
โครงการวิจัย “การวิจารณ์ศิลปะ: รอยต่อระหว่างวัฒนธรรมสื่อสิ่งพิมพ์กับสื่ออินเทอร์เน็ต” เป็นโครงการระยะที่ 2 ต่อจากโครงการวิจัย “การวิจารณ์ศิลปะ: รอยต่อระหว่างวัฒนธรรมลายลักษณ์กับวัฒนธรรมเสมือนจริง” ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นลงในวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุกการวิจัย (สกว.) และดำเนินการวิจัย 18 เดือน ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2555 ถึง 14 มีนาคม 2557
โครงการวิจัยนี้ไม่ได้เป็น “น้องใหม่ถอดด้าม” ที่เริ่มต้นจากศูนย์ แต่เป็นโครงการต่อเนื่องที่สืบทอดองค์ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการวิจารณ์ศิลปะที่ดำเนินวิจัยต่อเนื่องมาเกือบ 17 ปี จากโครงการวิจัย 4 โครงการที่ผ่านมา อันได้แก่
1. โครงการวิจัย “กวีนิพนธ์ในฐานะพลังปัญญาของสังคมร่วมสมัย : ประสบการณ์จากวรรณคดีไทย อังกฤษ อเมริกัน ฝรั่งเศส และเยอรมัน” (1 ตุลาคม 2538 – 30 กันยายน 2541) ศาสตราจารย์ ดร. เจตนา นาควัชระ หัวหน้าโครงการ
ผลการวิจัยพิสูจน์ให้เห็นว่า ในสังคมยุคโลกาภิวัตน์ที่สื่อต่างๆแผ่อิทธิพลเข้ามาครอบงำคนส่วนใหญ่ กวีนิพนธ์ในฐานะที่เป็นงานวรรณศิลป์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลกยังดำรงอยู่ได้ และทำหน้าที่เป็นเสาหลักทางภูมิปัญญาให้แก่สังคมร่วมสมัยได้ เนื่องจากกวีร่วมสมัยของชาติต่างๆ มุ่งเน้นความสามารถที่จะรู้จักตนเอง และมองโลก ธรรมชาติ สังคม ได้อย่างเฉียบคม นอกจากนั้น ความสำนึกในเอกภาพระหว่างมนุษย์กับโลก ความยึดมั่นในอุดมคติที่จะต่อสู้ กับความหมกมุ่นในวัตถุและสัญชาตญาณใฝ่ต่ำในตัวมนุษย์ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อให้กวีนิพนธ์ทำหน้าที่เป็นเสียงแห่งมโนธรรม และในบางบริบทก็ทำหน้าที่ผลักดันให้เกิดการฟื้นตัวทางจริยธรรมได้อีกด้วย
ผลงานโครงการ
- กวีนิพนธ์ไทยร่วมสมัย : บทวิเคราะห์และสรรนิพนธ์
- กวีนิพนธ์อเมริกันร่วมสมัย : บทวิเคราะห์และสรรนิพนธ์
- กวีนิพนธ์ฝรั่งเศสร่วมสมัย : บทวิเคราะห์และสรรนิพนธ์
- กวีนิพนธ์อังกฤษ-อเมริกันร่วมสมัย : บทวิเคราะห์และสรรนิพนธ์ (เอกสารถ่ายสำเนา)
- กวีนิพนธ์เยอรมันร่วมสมัย : บทวิเคราะห์และสรรนิพนธ์ (เอกสารถ่ายสำเนา)
2. โครงการวิจัย “การวิจารณ์ในฐานะพลังปัญญาของสังคมร่วมสมัย ภาค 1 (4 มกราคม 2542 ถึง 3 มกราคม 2545) และภาค 2 ( 1 กรกฎาคม 2545 ถึง 30 มิถุนายน 2548)” ศาสตราจารย์ ดร. เจตนา นาควัชระ หัวหน้าโครงการ
การทำวิจัยครั้งนี้ศึกษางานศิลปะใน 4 สาขา คือ วรรณศิลป์ ทัศนศิลป์ ศิลปะการละคร และสังคีตศิลป์ (ดนตรีไทยและดนตรีคลาสสิกตะวันตก) ซึ่งผลการวิจัยให้ความกระจ่างในด้านของภาวะการรับงานวิจารณ์ในยุคปัจจุบัน อันบ่งชี้ถึงข้อด้อยและข้อดี ที่อาจมีนัยเกินเลยจากกรอบของการวิจารณ์ศิลปะและให้ภาพทั่วๆไปของสังคมร่วมสมัยได้ ปัญหาการรับการวิจารณ์ส่วนหนึ่งมาจากที่ผู้รับจำนวนมากขาดโอกาสที่จะสัมผัสกับงานศิลปะโดยตรง จึงขาดโอกาสที่จะแสดงทัศนะวิจารณ์ไปด้วย นอกจากนั้นวัฒนธรรมการอ่านโดยทั่วไปก็ถดถอยลง แม้จะยังมีผู้รับจำนวนหนึ่งที่รักษาความสามารถในการอ่านความเรียงเชิงวิจารณ์เอาไว้ได้ ในขณะเดียวกันผู้รับที่เป็นผู้ปฏิบัติงานศิลปะส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อการวิจารณ์และเรียกร้องให้นักวิจารณ์มุ่งมั่นสร้างงานวิจารณ์ต่อไปเพื่อประโยชน์ของสังคม นอกจากนี้ผลการวิจัยของโครงการวิจัยภาค 2 ยังยืนยันข้อสรุปของโครงการภาคแรกว่า ทั้งสื่อและทั้งระบบการศึกษาที่เป็นทางการไม่เอื้อต่อการพัฒนาการวิจารณ์เท่าที่ควร
ผลงาน
- พลังการวิจารณ์ : บทสังเคราะห์ / Criticism as an Intellectual Force in Contemporary Society: Summary Report
- พลังการวิจารณ์: วรรณศิลป์
- พลังการวิจารณ์: ทัศนศิลป์
- พลังการวิจารณ์: ศิลปะการละคร
- พลังการวิจารณ์: สังคีตศิลป์
- พลังการวิจารณ์: รวมบทวิจารณ์ร่วมสมัย
- มองข้ามบ่านักเขียน: เรื่องสั้นไทยในทัศนะนักวิจารณ์
- Fervently Mediating: Criticism from a Thai Perspective
- ศิลป์ส่องทาง
- กวีนิพนธ์นานาชาติ: การวิจารณ์เชิงวิจารณ์
- เบิกฟ้า มัณฑนา โมรากุล
- ทางสายใหม่แห่งวรรณกรรมไทย: ทัศนะวิจารณ์ต่อนวนิยายยุคแรก
- จากแผ่นดินแม่สู่แผ่นดินเอน: รวมบทความวิชาการและบทวิจารณ์
- Criticism as Cross-Cultural Encounter
- วิถีแห่งการวิจารณ์: ประสบการณ์จากสามทศวรรษ
- เพ็ญศรี พุ่มชูศรี คีตศิลปิน
- ลายลักษณ์แห่งการวิจารณ์: รวมบทวิจารณ์ร่วมสมัย เล่ม 2
- จากศิลปะสู่การวิจารณ์: รายงานการวิจัย / From Work of Art to Critical Arena: Summary Report
- จากเวทีละครสู่การวิจารณ์: รวมบทความวิชาการ
- การวิจารณ์ทัศนศิลป์: ข้อคิดของนักวิชาการไทย
- เก่ากับใหม่อะไรไหนดี: มนุษยศาสตร์ไทยในกระแสของความเปลี่ยนแปลง
- ตามใจฉัน-ตามใจท่าน: ว่าด้วยการวิจารณ์และการวิจัย
3. โครงการวิจัย “การวิจารณ์ในฐานะปรากฏการณ์ของสังคมร่วมสมัยเพื่อพัฒนาความรู้ด้านสังคมศาสตร์การวิจารณ์ ภาค 1 (1 เมษายน 2549 – 30 กันยายน 2550) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ธีระ นุชเปี่ยม หัวหน้าโครงการ และ ภาค 2” (1 เมษายน 2551- 30 กันยายน 2552) ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์ หัวหน้าโครงการ
การทำวิจัยครั้งนี้ศึกษางานศิลปะใน 4 สาขา คือ วรรณศิลป์ (ทั้งงานในสื่อลายลักษณ์และสื่ออินเทอร์เน็ต) ทัศนศิลป์ ศิลปะการละคร และสังคีตศิลป์ (ดนตรีไทย) ผลการวิจัยภาคแรกชี้ให้เห็นว่ายุคโลกาภิวัตน์เป็นยุคที่ต้องการความสามารถในการวิจารณ์ อันเป็นพลังทางปัญญาที่จะช่วยให้สังคมดำรงอยู่ในประชาคมนานาชาติด้วยความมั่นใจ การวิจารณ์ศิลปะเป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่สามารถสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมแห่งการวิจารณ์ในระดับที่กว้างออกไป ขณะเดียวกันยังพบว่าการวิจารณ์ยังไม่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมลายลักษณ์อย่างเต็มรูปในสังคมไทย ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานจำนวนหนึ่งยังชอบที่จะรับฟังข้อวิจารณ์ในระบบมุขปาฐะ มากกว่าลายลักษณ์ สถาบันทางสังคม 2 สถาบันที่อ่อนแอในด้านการส่งเสริมวัฒนธรรมการวิจารณ์ คือ สื่อ และสถาบันการศึกษา ในส่วนของข้อสรุปในเชิงทฤษฎีพบว่าสังคมไทยมีศักยภาพที่จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาทางปัญญาความคิดและทางสังคมได้ อาทิ ศักยภาพในการสร้างความมั่งคั่งให้แก่กันระหว่างการวิจารณ์สาขาต่างๆ หลักการทางศิลปะที่ผูกอยู่กับชีวิตชุมชน และการวิจารณ์ที่ไม่จำเป็นต้องสื่อด้วยภาษา (non-verbal criticism) และยังมีนักวิจารณ์กลุ่มเล็กๆ ที่ทำงานวิจารณ์อย่างจริงจัง โดยมีความสำนึกว่าการวิจารณ์เป็นกลไกในการประเมินคุณค่าและเป็นเสียงแห่งมโนธรรมให้แก่สังคมได้
ขณะที่ผลการวิจัยภาค 2 นัยทางการศึกษาที่สำคัญมีหลายประเด็น เช่น ความอ่อนแอของระบบการศึกษาเป็นทางการหรือการศึกษาในชั้นเรียน ที่ส่งผลต่อความถดถอยของวัฒนธรรมการอ่านและการวิจารณ์ รวมทั้งการขาดองค์ความรู้สำคัญของงาน (canon) และขาดการสั่งสมองค์ความรู้ทั้งในส่วนของความรู้ตามขนบเดิมและความรู้ที่เกิดขึ้นในบริบทใหม่ สถาบันการศึกษาจึงมีบทบาทน้อยกว่าสถาบันครอบครัว ที่ยังสามารถสร้างนิสัยรักการอ่านและสร้างความคุ้นเคยของการมีทวิวัจน์ระหว่างบุคคลในครอบครัว ที่เกิดจากการอ่านนิตยสารหรือหนังสือเล่มเดียวกัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ขาดไปจากระบบการศึกษา นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่ามหาชนต้องการที่จะรับความรู้ ทั้งในรูปที่สามารถประยุกต์เข้ากับปรากฏการณ์ร่วมสมัย และความรู้ในรูปของหลักวิชาการโดยตรง การให้การศึกษาทั้งโดยตรงและโดยอ้อมอาจจะต้องอาศัยกระบวนการสนับสนุนของภาครัฐ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องพิจารณาให้เหมาะสม เพราะการที่รัฐจะเข้ามามีส่วนสำคัญในด้านการสร้างและการวิจารณ์ศิลปะนั้น อาจไม่ได้ส่งผลที่ตรงความต้องการของสังคมเสมอไป
ผลงาน
- การรับ การเสพ การบริโภคงานศิลปะ
- รวงทองส่องทางศิลป์
- พิเชษฐ กลั่นชื่น: ทางไปสู่การอภิวัฒน์นาฏศิลป์ไทย
- ลักษณะร่วมสมัยในงานศิลปะแขนงต่างๆ: ทัศนะของศิลปะ
- ๒๕ ปี การวิจารณ์ “คำพิพากษา”
- ๘๐ ปี อังคาร กัลยาณพงศ์
- ปัญญา วิจินธนสาร: ปรากฏการณ์ศิลปะไทยร่วมสมัย
- รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัย “การวิจารณ์งานฐานะปรากฏการณ์ของสังคมร่วมสมัยเพื่อพัฒนาความรู้ด้านสังคมศาสตร์การวิจารณ์” (E-Book)
4. โครงการวิจัย “การวิจารณ์ศิลปะ: รอยต่อระหว่างวัฒนธรรมลายลักษณ์กับวัฒนธรรมเสมือนจริง” (1 ตุลาคม 2553 – 31 กรกฎาคม 2555) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปาริชาติ จึงวิวัฒนาภรณ์ หัวหน้าโครงการ
ผลการวิจัยชี้ว่าหลักฐานของการวิจารณ์เชิงลายลักษณ์นั้น ผูกติดอยู่กับ “ธรรมชาติ” ในการแสดงออกของแต่ละสาขาด้วย กล่าวคือสาขาที่มีการแสดงออกเชิงลายลักษณ์อยู่แล้ว ก็มีแนวโน้มว่าจะมีการวิจารณ์เชิงลายลักษณ์มากกว่าสาขาที่ไม่นิยมแสดงออกด้วยลายลักษณ์ ทั้งนี้ ก็มิได้หมายความว่า สาขาที่ไม่เขียนบทวิจารณ์นั้นจะไม่นิยมการแสดงความคิดเห็น ในทางตรงกันข้าม เช่น สาขาทัศนศิลป์ และสังคีตศิลป์กลับสามารถแสดงทัศนะเชิงวิจารณ์ได้อย่างน่าสนใจภายใต้วัฒนธรรมมุขปาฐะ ขณะที่โลกเสมือนจริงมีศักยภาพสูงมากต่อการวิจารณ์เชิงลายลักษณ์และเชิงมุขปาฐะเพราะนอกจากโลกเสมือนจริงจะสามารถทำหน้าที่เสมือน “คลัง” ข้อมูลแล้ว ยังสามารถลดข้อจำกัดในเรื่องของสถานที่ พื้นที่และเวลา ตลอดจนสามารถถ่ายทอดสด หรือจัดเก็บภาพเคลื่อนไหวและเสียงได้ ทำให้เกิดพื้นที่สำหรับการวิจารณ์ในเชิงมุขปาฐะด้วย คณะผู้วิจัยพบว่า ปัญหาในด้านคุณภาพที่พบในผลงานการวิจารณ์ในสื่ออินเทอร์เน็ตนั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการขาดความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการวิจารณ์ศิลปะอย่างสร้างสรรค์ หรือการตามไม่ทันความก้าวหน้าทางความคิดและวิธีการของศิลปิน หรืออาจเป็นเพราะการขาดแคลนการ “สมัครเข้ามาเล่น” ของผู้รู้รุ่นอาวุโส ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่ถ่ายทอดความรู้และภูมิปัญญาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
5. โครงการวิจัย “การวิจารณ์ศิลปะ: รอยต่อระหว่างวัฒนธรรมสื่อสิ่งพิมพ์กับสื่ออินเทอร์เน็ต” (15 กันยายน 2555 – 14 มีนาคม 2557) คุณอัญชลี ชัยวรพร หัวหน้าโครงการ
โครงการวิจัยนี้เป็นโครงการปัจจุบันที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยมุ่งที่จะวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวกับการวิจารณ์ทั้งในสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออินเทอร์เน็ต รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ระหว่างสื่อทั้งสองประเภท ซึ่งถือได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ร่วมกันและสร้างความมั่งคั่งให้แก่กัน ในขณะเดียวกันก็มีความจำเป็นที่จะต้องพยายามตอบคำถามที่ว่า ปัจจัยอันใดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการวิจารณ์ในสื่ออินเทอร์เน็ต และลักษณะเชิงสร้างสรรค์ของการวิจารณ์ในสื่อใหม่นี้เป็นอย่างไร
โครงการวิจัยไม่อาจดำเนินการได้ถ้าขาดผู้สนับสนุนที่เข้าใจและเปิดโอกาสให้มีการวิจัยต่อเนื่องดังเช่นที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดโอกาสให้ เพราะการสนับสนุนทุนวิจัยขององค์กรอื่นๆ ส่วนใหญ่มักจะให้เป็นทุนระยะสั้น เช่น 1 ปี ซึ่งเมื่อจบโครงการวิจัยหนึ่งๆ แล้วก็เปลี่ยนไปสนับสนุนโครงการวิจัยใหม่ๆ ต่อไป แต่การวิจัยโดยเฉพาะการวิจัยทางด้านศิลปะ และการวิจารณ์ศิลปะจำเป็นต้องอาศัยเวลาเพื่อที่จะศึกษาและรวบรวมองค์ความรู้ที่ได้อย่างเป็นรูปธรรมและเชื่อถือได้ เมื่อ สกว. ให้โอกาสโครงการฯได้ทำงานต่อเนื่องยาวนานมาเป็นเวลาเกือบ 17 ปี จึงทำให้โครงการฯสามารถรวบรวมและสร้างองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการวิจารณ์ศิลปะของสังคมไทยขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันในระหว่างคณะผู้วิจัยก็ได้มีการถ่ายโอนความรู้และเรียนรู้ร่วมกันระหว่างรุ่นสู่รุ่น ในปัจจุบันนักวิจัยส่วนใหญ่จัดได้ว่าเป็นรุ่นที่สาม ซึ่งถือว่าเป็นนักวิจัยรุ่นใหม่ของโครงการฯ ส่วนนักวิจัยรุ่นอาวุโส และนักวิจัยรุ่นกลางที่เคยเป็นผู้วิจัยโครงการฯรุ่นแรกๆ ก็ผันตัวเป็นที่ปรึกษาสำหรับนักวิจัยรุ่นใหม่นี้ด้วย ท่านที่สนใจจะรับทราบบรรยากาศของการวิจัยในหมู่นักวิจัยที่ได้ทั้งความสนุกสนานและความรู้ทางวิชาการ โปรดดูหนังสือ คุณปู่แว่นตาโต ของ ชมัยภร แสงกระจ่าง ยิ่งไปกว่านั้น วิชามนุษยศาสตร์เป็นวิชาที่ต้องคิดลึก คิดนาน คิดต่อเนื่อง แต่ถ้าจะให้ดีจะต้องมีการคิดร่วม คณะผู้วิจัยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมของโครงการฯ โดยเราจะใช้พื้นที่นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยจะมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ให้โอกาสเราได้ออกจากโลกเสมือนจริงมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ด้วยการพบปะสังสรรค์กันในรูปของ “มนุษย์สัมผัสมนุษย์”
——————————-