โครงการวิจัยการวิจารณ์ขอต้อนรับหัวหน้าโครงการคนใหม่
โครงการวิจัย “การวิจารณ์ศิลปะ: รอยต่อระหว่างวัฒนธรรมลายลักษณ์กับวัฒนธรรมเสมือนจริง” ซึ่งมี ผศ. ดร. ปาริชาติ จึงวิวัฒนาภรณ์เป็นหัวหน้าโครงการ สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 เนื่องจาก ผศ. ดร. ปาริชาติมีภาระงานมาก ในฐานะอาจารย์ประจำของคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงประสงค์ที่จะได้มีโอกาสทำงานให้แก่สถาบันต้นสังกัดอย่างเต็มเวลา และปัจจุบันได้รับแต่งตั้งเป็นคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผศ. ดร. ปาริชาติ จึงวิวัฒนาภรณ์
คณะกรรมการติดตามผลของโครงการฯ จึงขอร้องให้อาจารย์อัญชลี ชัยวรพร ผู้วิจัยสาขาภาพยนตร์ รับหน้าที่หัวหน้าโครงการวิจัย “การวิจารณ์ศิลปะ: รอยต่อระหว่างวัฒนธรรมสื่อสิ่งพิมพ์กับสื่ออินเทอร์เน็ต” แทน ผศ. ดร. ปาริชาติ ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2555
อาจารย์อัญชลี ชัยวรพร
อาจารย์อัญชลี ชัยวรพร สำเร็จการศึกษาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาภาษาอังกฤษ (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศึกษาต่อ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รับปริญญานิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการหนังสือพิมพ์ จากนั้นได้ไปศึกษาต่อในประเทศอังกฤษ และได้รับ Master of Arts in Film Studies จาก Southampton University
อาจารย์อัญชลีมีประสบการณ์ทั้งในด้านวิชาการและวิชาชีพอันกว้างขวาง เคยปฏิบัติงานในฐานะนักหนังสือพิมพ์ (The Nation) และเคยรับราชการเป็นอาจารย์ที่สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล ก่อนที่จะลาออกมาประกอบอาชีพอิสระ โดยมุ่งเน้นการศึกษาวิจัยงานด้านภาพยนตร์และงานวิจารณ์ภาพยนตร์ ทั้งนี้มีผลงานที่เขียนเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่ได้รับการตีพิมพ์ในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ อาทิ ฝรั่งเศส สเปน อิตาเลียน ญี่ปุ่น และ เกาหลี
อาจารย์อัญชลีมีประสบการณ์ในด้านการวิจัยมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับทุนจากองค์กรต่างประเทศด้วย อีกทั้งยังเป็นสมาชิกของสหพันธ์นักวิจารณ์นานาชาติ (International Federation of Film Critics) นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลบทวิจารณ์ภาพยนตร์ดีเด่น จากกองทุนหม่อมหลวงบุญเหลือ เทพยสุวรรณ เมื่อปี 2543 และได้รับเชิญให้เป็นกรรมการตัดสินภาพยนตร์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
โครงการวิจัยฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่อาจารย์อัญชลียินดีที่จะรับหน้าที่หัวหน้าโครงการฯ ซึ่งได้ดำเนินการด้วยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ต่อเนื่องมาเป็นเวลาถึง 13 ปีแล้ว