Bangkok String Quartet and Friend ในโปรแกรมควินเต็ตของ Dvořák และ Shostakovich
Bangkok String Quartet and Friend ในโปรแกรมควินเต็ตของ Dvořák และ Shostakovich
วฤธ วงศ์สุบรรณ
ผมเองติดตามการแสดงของวง Bangkok String Quartet (BSQ) มานาน ครั้งแรกที่ได้ฟังเมื่อประมาณปี 2546 ซึ่งในยุคนั้นยังมีสมาชิกเป็น อ.ทัศนา นาควัชระ (ไวโอลิน/วิโอลา) อ.ศิริพงษ์ ทิพย์ธัญ (ไวโอลิน/วิโอลา) อ.อ้อมพร โฆวินทะ (ไวโอลิน/วิโอลา) และ อ.อภิชัย เลี่ยมทอง (เชลโล) และได้ฝากตัวเป็น “แฟน” นับแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าจะมีสมาชิกใหม่คือ มิติ วิสุทธิ์อัมพร (วิโอลา) แต่ก็มีฝีไม้ลายมีไม่ธรรมดาเช่นกัน และในปี 2559-2560 นี้ ทางวงก็ได้จัดโปรแกรมน่าสนใจมากมาย และนอกจากจะเป็นวงสตริงควอร์เต็ต (เครื่องสาย 4 ชิ้น) แล้ว ยังได้มีเพื่อนฝูงนักดนตรีมาเป็นแขกรับเชิญช่วยเพิ่มสีสันและความเข้มข้นขึ้นไปอีก และแขกรับเชิญในคอนเสิร์ตแรกของปีนี้ก็เป็น ดร.พรพรรณ บันเทิงหรรษา นักเปียโนชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งขณะน่าจะเป็นนักเปียโนไทยที่มีการแสดงมากที่สุดในวงการเปียโนไทย
รายการนี้ประกอบด้วย Piano Quintet No.2 in A major, Op.81, B.155 ของ Antonín Dvořák (1841-1904, คีตกวีชาวเช็ค) และ Piano Quintet in G minor, Op.57 ของ Dmitri Shostakovich (1906-1975, คีตกวีชาวรัสเซีย) แสดงเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2559 ณ หอแสดงดนตรี อาคารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในครึ่งแรกวงเริ่มต้นด้วยดวอชาค ซึ่งผมคิดว่าเป็นคีตกวียุคโรแมนติคที่โดดเด่นมากที่สุดท่านหนึ่ง เนื่องจากมีท่วงทำนองในบทเพลงต่างๆ ของท่านค่อนข้างที่จะฟังง่าย มีทั้งลึกซึ้งและร่าเริง รวมทั้งมีท่วงทำนองที่งดงามและติดหู บทเพลงนี้ก็อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว ผมสังเกตได้ว่านักดนตรีค่อนข้างมีความสุขกับการบรรเลง เพราะมีท่วงทำนองที่ไพเราะมาก อีกทั้งการประพันธ์ของดวอชาคนั้น ยังให้ความสำคัญกับเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นไม่น้อยหน้ากันเลย เครื่องดนตรีที่ดูจะมีบทบาทน้อยในทำนองหลักอย่างไวโอลินที่ 2 และวิโอลาก็มีโอกาสได้แสดงฝีมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนที่ 2 ที่วิโอลาได้บรรเลงในทำนองหลักค่อนข้างยาวมาก ซึ่งมิติก็เล่นได้อย่างงดงาม เสียงวิโอลาของเขามีพลัง ให้เสียงที่กังวาน และสำเนียงวิโอลาของเขาก็ไพเราะ การเปล่งคีตวลี (phasing) ก็ทำได้อย่างน่าฟัง ในส่วนเชลโลของ อ.อภิชัย ก็มีเสียงที่ไพเราะและกังวาน สามารถบรรเลงในทำนองที่ซาบซึ้งกินใจได้ดีมาก ส่วน อ.ศิริพงษ์และ อ.อ้อมพร ก็ประสานเสียงไวโอลิน 1 และ 2 ได้อย่างไพเราะน่าฟัง และมีความเหมาะเจาะคล้องจองกันอย่างดี (ไม่นับว่าทั้งสองยังเป็นคู่ชีวิตกันอีกด้วย) ที่สำคัญผมสังเกตได้ว่าทุกคน “ฟังซึ่งกันและกัน” และมีการส่งสัญญาณด้วยภาษากายต่างๆ อีก ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการเล่นดนตรี “ร่วมกัน” โดยเฉพาะในเชมเบอร์มิวสิค ส่วน อ.พรพรรณนั้น ก็บรรเลงได้อย่างน่าฟัง ทั้งการเป็นผู้ควบคุมจังหวะของเพลง และในบางช่วงก็เป็นผู้เล่นทำนองหลัก ซึ่งเสียงเปียโนของอาจารย์มีหลากหลายสไตล์ตามที่คีตกวีต้องการ ทั้งสนุกสนาน หวานซึ้ง รุกเร้า หรือหม่นหมอง ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างไพเราะ เรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมโดยนักดนตรีบ้านเราเอง
ส่วนในครึ่งหลังเป็นบทเพลงPiano Quintet in G minor, Op.57 ของชอสตาโกวิช ซึ่งก่อนเริ่มแสดง อ.อภิชัย ก็ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของเพลงแรงบันดาลในการประพันธ์ และเหตุการณ์จากการแสดงครั้งแรกทำให้ผู้ฟังได้ความรู้และอรรถรสในการชมไปด้วย (ซึ่งก็ชดเชยกับสูจิบัตรที่ค่อนข้างสั้นและให้ข้อมูลน้อยไปสักนิด) ผมคิดว่าบทเพลงนี้ให้มีลีลาใกล้เคียงกับเชมเบอร์มิวสิคชิ้นอื่นของชอสตาโกวิชที่ผู้ฟังคุ้นเคยกันดี เช่น Piano Trio No.2 in E minor Op.67 หรือ String Quartet No.8 in C minor Op.110 คือมีทั้งอารมณ์ที่หม่น หดหู่ เศร้าหมอง บางครั้งแม้ว่าจะมีทำนองที่คึกคักร่าเริงขึ้นมาบ้าง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความหม่นและการประสานเสียงที่กระด้าง รวมไปถึงใช้ท่วงทำนองเพลงของชาวยิวที่เขาชื่นชอบมาใส่เป็นระยะๆ ในส่วนของเปียโนนั้น มีบทบาทสูงมาก ทั้งให้อารมณ์ที่หม่นและรื่นเริง บางช่วงก็บรรเลงทำนองที่ผาดโผนพิสดาร ราวกับเป็นคอนแชร์โต (ชวนให้ผมนึกถึงเปียโนคอนแชร์โตของชอสตาโกวิชด้วย) ในขณะที่เครื่องสายทั้งหลายก็สลับกันมีบทบาทต่างๆ กัน โดยเฉพาะไวโอลิน 1 ซึ่งมักจะใส่เครื่องลดเสียง (mute) อยู่ในหลายท่อน เพื่อสร้างเสียงที่หดหู่เป็นพิเศษ โดยรวมแล้วผมคิดว่าบทเพลงนี้นักดนตรีทั้ง 5 ของเราก็บรรเลงได้อย่างถึงอารมณ์ ทั้งนี้ผมสังเกตว่า ทั้งวง BSQ รวมไปถึง Pro Musica ซึ่งนำโดย อ.ทัศนา อดีตสมาชิกของ BSQ สามารถเล่นชอสตาโกวิชได้ดีเป็นพิเศษ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเหตุใด หรืออาจจะเป็นเพราะเพลงของชอสตาโกวิชกระทบจิตใจของนักดนตรีเราได้ในเชิงลึก จึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการเล่นมากขึ้น รวมทั้งยังทำให้ผู้ฟังรู้จักกับเพลงอีกประเภทหนึ่ง ที่ไม่ใช่เพียงแค่ความรื่นรมย์ แต่เป็นการแสดงออกทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งอีกลักษณะหนึ่งด้วย
ผมเองคงไม่มีอะไรที่จะไปตินักดนตรีของเราทั้ง 5 คนนี้ได้เลย เพราะเล่นกันได้อย่างถึงอารมณ์ในบทเพลง 2 ยุคที่สไตล์ต่างกันอย่างมาก เพียงแต่รู้สึกว่าในบางจังหวะนักเปียโนกับเครื่องสายมีจังหวะเหลื่อมกันเล็กน้อย รวมทั้งบางท่อนเสียงเปียโนออกจะดังกลบเครื่องสายไปบ้าง โดยส่วนตัวผมไม่ชอบเสียงเปียโนหลังนี้ ในหลายๆ ตอน ผมเกิดความรู้สึกว่าเครื่องดนตรีชิ้นนี้สนองความต้องการของนักเปียโนของเราไม่ได้อย่างเต็มที่ ยิ่งถ้าเล่นดังมากเสียงจะพร่าไปเลย ถึงอย่างไรภาพรวมก็เป็นการบรรเลงที่มีคุณภาพสูงและช่วยเปิดประสบการณ์ในการฟังดนตรีของผู้ฟังบ้านเราอีกด้วย BSQ ทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ผู้ฟังได้อย่างงดงามน่าประทับใจ แต่ก็น่าเสียดายอีกเช่นกันที่หอแสดงดนตรีแห่งนี้ผู้ฟังไม่เต็ม (อีกแล้ว) ทั้งๆ ที่นักดนตรีมีลูกศิษย์ตัวน้อยๆ มาฟังพร้อมกับผู้ปกครองด้วยเป็นจำนวนไม่น้อย ก็ต้องขอย้ำอีกครั้งว่า เชมเบอร์
มิวสิคมิได้มีอะไรที่ด้อยกว่าวงออร์เคสตราเลย เราผู้ฟังคงต้องช่วยกันสนับสนุนและผลักดันเชมเบอร์มิวสิคกันต่อไป เพราะนี่คือทางออกของนักดนตรีที่อยากเล่นดนตรี แต่วงออร์เคสตราในบ้านเรามีจำนวนและรายการแสดงที่จำกัด