The Hidden Fortress
The Hidden Fortress
ผมมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เรื่อง The Hidden Fortress ของ Akira Kurosawa ในเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2554 “ครบรอบวันเกิด 100 ปี คุโรซาวะ อากิระ” ที่จัดโดยเจแปน ฟาวน์เดชั่น กรุงเทพฯ และ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจําประเทศไทย ที่โรงภาพยนตร์ SF World ณ Central World สาเหตุที่เลือกชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะคำกล่าวของจอร์จ ลูคัส เจ้าของภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ที่ผมชื่นชอบว่า หุ่นยนต์คู่หูคู่ฮา C3PO และ R2D2 ที่ทำหน้าที่สร้างสีสันให้กับ Star Wars ทุกๆ ภาค นั้น ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องราวของการเดินทางผ่านดินแดนของศัตรู เพื่อหวนคืนสู่ดินแดนของตนอีกครั้ง ลูคัสเองก็ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ผมจึงอยากไปชมภาพยนตร์ที่เป็นแรงบันดาลใจของผู้กำกับที่ผมยกย่องอยู่แล้ว
เรื่อง Hidden Fortress เป็นเรื่องราวของสองโจรกระจอกนามทาเฮย์ (Minoru Chiaki) และมาตาชิชิ (Kamatari Fujiwara) ทั้งสองเดิมมีอาชีพเป็นชาวนาและเป็นเพื่อนสนิทกัน ต่อมาทั้งคู่หนีทหารฝ่ายศัตรูมาจนได้พบกับทองคำที่ซ่อนอยู่ในไม้ฟืน และแย่งชิงทองคำนั้นด้วยความโลภ ระหว่างนั้นเองทั้งสองคนได้พบกับแม่ทัพนามโรคุโรตะ มาคาเบะ (Toshirô Mifune) ซึ่งนำทองคำจำนวนมากเป็นเหยื่อล่อพวกเขาให้ช่วยพาเจ้าหญิงยูกิ (Misa Uehara) จากปราการลับ กลับคืนสู่เมืองของพระองค์ ทว่าเจ้าหญิงต้องปลอมแปลงตนเองเป็นคนใบ้ เพื่อหลบเลี่ยงวิธีการพูดของพระองค์ ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากคนทั่วไป ด้วยเหตุนี้เกือบตลอดการเดินทาง ผู้ที่ทราบว่าผู้หญิงคนนี้คือเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ ก็มีเพียงแม่ทัพมาคาเบะกับผู้ชมเท่านั้นเอง
แน่นอนที่สุดว่า สองโจรกระจอกที่ว่านี้ก็คือต้นแบบของหุ่นยนต์ในเรื่อง Star Wars นั่นเอง ความเป็นคู่หูคู่ฮาที่สร้างสีสันให้กับเรื่องของทาเฮย์และมาตาชิชิคือส่วนที่เหมือนหุ่นยนต์ทั้งสอง ทั้งสองมีเพียงความโลภบังตา พยายามจะนำทองคำจำนวนมากหนีไปจากโรคุโรตะและเจ้าหญิงยูกิ และยังมีหลายครั้งที่พยายามจะข่มขืนเจ้าหญิงผู้เลอโฉมอีกด้วย แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนดูเป็นคนชั่วเลย ผมกลับเห็นว่าทั้งสองคนแสดงออกถึงความต้องการของตนเองด้วยความซื่อ ดูมีความจริงใจ และมีมิตรภาพมอบให้กันและกันแม้ในยามที่ลำบากที่สุด ความชั่วที่พวกเขาพยายามทำกลับกลายเป็นเรื่องขบขันในสายตาคนดูเสียมากกว่า ในทางตรงกันข้าม แม่ทัพโรคุโรตะที่เป็นพระเอก เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ความจงรักภักดีต่อเจ้าหญิงและบ้านเกิดเมืองนอน ในด้านหนึ่งเขาก็ “หลอกใช้” ทาเฮย์และมาตาชิชิ เพราะเขารู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่า ส่วนแบ่งทองคำที่ได้ตกลงกันนั้น ทั้งสองคนไม่มีสิทธิ์ได้แม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นทองของท้องพระคลัง
เจ้าหญิงยูกิมีความเห็นขัดแย้งกับแผนการของโรคุโรตะอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ก่อนจะออกจากปราการลับที่ “เจ้าหญิงเงา” คนธรรมดาที่หน้าเหมือนเจ้าหญิงถูกสังหารเพื่อให้เจ้าหญิงตัวจริงมีชีวิตรอด ไปจนถึงการช่วยเหลือหญิงที่ถูกจับมาเป็นโสเภณี เจ้าหญิงมักจะแสดงความเห็นใจคนเหล่านั้นอยู่เสมอ ในขณะที่โรคุโรตะคิดแต่การทำตามแผนการให้สำเร็จ ทว่าสิ่งนี้เองที่ทำให้โรคุโรตะได้เห็นถึงมุมมองของความเป็นมนุษย์ เมื่อโสเภณีนางนั้นไม่ยอมจากไปเมื่อได้เป็นอิสระ และยังเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าหญิงไม่ให้ถูกข่มขืน อีกทั้งตอนท้ายสุดเมื่อทั้งสามถูกทหารฝ่ายศัตรูจับตัวได้ นางยังพยายามช่วยชีวิตเจ้าหญิงด้วยการบอกว่าตนเองคือเจ้าหญิงอีกด้วย สำหรับตัวเจ้าหญิงเองเมื่อได้ออกนอกพระราชวังก็ทำให้พระนางได้พบกับชีวิตชาวเมืองที่แท้จริง มีทั้งภาพที่สวยงามและความโหดร้าย ท้ายที่สุดถึงแม้ว่าจะรู้ว่าต้องตาย พระองค์ยังตรัสขอบคุณโรคุโรตะที่ทำให้ได้เห็นชีวิตนอกไปจากความสวยงามจอมปลอมในพระราชวัง และไม่มีอะไรติดค้างอีกแล้ว ในขณะเดียวกันพระองค์ยังได้เห็นถึงความจงรักภักดีของโรคุโรตะ ที่ครั้งหนึ่งเขาไล่ตามทหารข้าศึกไปจนถึงค่ายทหาร ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการเสี่ยงตาย เมื่อการเดินทางสิ้นสุดลง มุมมองที่ตัวละครเอกทั้งสองมีให้กันจึงแตกต่างไปจากเดิม
แม่ทัพฝ่ายข้าศึกที่โรคุโรตะหลงเข้าไปยังค่ายของเขา และได้ดวลหอกกัน แม่ทัพผู้นั้นมีนามว่า เฮเอียว ทาโดโกโร่ (Susumu Fujita) เมื่อเขาพ่ายแพ้ต่อโรคุโรตะ และได้รับการไว้ชีวิต ในขณะนั้นเขายังยึดถือศักดิ์ศรีของนักรบจึงต้องการที่จะถูกโรคุโรตะสังหารมากกว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างอับอาย ทว่าเมื่อเขาจับโรคุโรตะพร้อมทั้งเจ้าหญิงได้และถามว่าเพราะเหตุใดจึงไว้ชีวิตตน โรคุโรตะกล่าวว่าเกียรติสูงสุดของมนุษย์คือการมีชีวิตอยู่ เฮเอียวจึงเข้าใจโรคุโรตะจากคำพูดดังกล่าว และหันมาเป็นฝ่ายโรคุโรตะ ในตอนนี้ผู้ชมบางคนอาจจะตั้งคำถามถึงความซื่อสัตย์ของเฮเอียว แต่หากมองจากมุมของเขาและโรคุโรตะแล้ว ทั้งสองมีมิตรภาพอันดีกันมาก่อน แต่ต้องเป็นศัตรูกันเพียงเพราะเป็นแม่ทัพของคนละประเทศ เมื่อผมได้มองในมุมนี้แล้วทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า สงครามที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากความต้องการของใครกันแน่? เป็นไปได้หรือไม่ว่า สงครามที่พาผู้คนจำนวนมากไปสู่ความตายก็ล้วนมาจากความต้องการของชนชั้นนำเพียงไม่กี่คน
คำว่า Hidden Fortress นอกจากจะหมายถึงปราการลับ ที่ซ่อนของเจ้าหญิงก่อนที่จะหลบหนีออกมาแล้ว ยังอาจหมายถึงปราการจิตใจที่ตัวละครแต่ละคนสร้างขึ้น และในตอนท้าย ปราการเหล่านั้นก็ถูกทำลายลง นั่นคือ ปราการความโลภของโจรกระจอกทั้งสอง ที่ถูกทำลายด้วยมิตรภาพ ปราการศักดิ์ศรีของเฮเอียว ที่ถูกทำลายด้วยน้ำมิตรของโรคุโรตะ ปราการโลกแคบของเจ้าหญิงที่ถูกทำลายลงด้วยการได้เห็นโลกที่แท้จริง และปราการนักรบของโรคุโรตะที่ถูกทำลายด้วยความมีเมตตาของเจ้าหญิง
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า ตัวละครทั้งหมดมีมิติทั้งความดีความชั่ว ไม่มีใครมีคุณธรรมหรือเป็นคนชั่วตลอดเวลา และมีพัฒนาการ ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ตนเองประสบพบ จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่อง Hidden Fortress ไม่ใช่ภาพยนตร์แอคชั่นปนขบขันธรรมดา แต่ตัวละครในเรื่องดูราวกับว่ามีชีวิตอยู่จริง และมีประเด็นที่ทำให้ผู้ชมกลับไปขบคิดได้อีกมาก ในด้านของการถ่ายทำฉากการต่อสู้ต่างๆ ก็สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกสนุก ตื่นเต้นได้ ทั้งที่เป็นเพียงภาพขาวดำ จึงกล่าวได้ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้สมเป็นผลงานของ Akira Kurosawa ผู้กำกับชั้นนำของโลกอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถูกนับว่าเป็นผลงานชั้นเอกของเขาเฉกเช่นเรื่อง Ran, Seven Samurai หรือ Rashomon ก็ตาม